วันพฤหัสบดีที่ 17 มีนาคม พ.ศ. 2559

มารู้จักปลาดุกบิ๊กอุยกันก่อน



ปลาดุกบิ๊กอุยเป็นปลาดุกลูกผสมที่เกิดจากแม่พันธุ์ปลาดุกอุยผสมกับพ่อพันธุ์ปลาดุกยักษ์  โดยปลาดุกยักษ์มีถิ่นกำเนิดที่อาฟริกา  มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Clarias gariepinus  (African  sharpteeth  catfish)  ซึ่งประเทศไทยนำเข้าจากประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว  และจีนบางส่วน  เป็นปลาที่มีขนาดโต  กินอาหารได้ทุกชนิด  ทนทานต่อโรคและสภาพแวดล้อมดี  แต่ข้อเสียมีเนื้อเหลวและสีซีด  ไม่น่ารับประทาน  ส่วนปลาดุกอุยเป็นปลาพื้นเมืองไทย  มีเนื้อรสชาติดี  แต่ข้อเสียคือเลี้ยงโตช้า  คือต้องเลี้ยงถึง 6 – 8  เดือน  เมื่อนำมาผสมกันได้ลูกผสมที่โตเร็ว  และรสชาติคล้ายปลาดุกอุยมาก     และช่วงระยะเวลาที่ใช้ในการเลี้ยงสำหรับตลาดประเทศไทย    คือ  80 – 100  วัน  ได้ปลาขนาด  3 – 4  ตัว  ต่อกิโลกรัมลักษณะทั่วไป  ปลาดุกบิ๊กอุย  มีลักษณะก้ำกึ่งระหว่างแม่ปลาดุกอยุและพ่อปลาดุกยักษ์  กระโหลกที่ท้ายทอยแหลมเป็น  3  หยัก  รสชาติดี  เนื้อเป็นสีเหลือง  และไม่เหลว  จึงเป็นที่นิยมของคนไทย




ในการเลี้ยงพ่อแม่พันธุ์ปลาดุกบิ๊กอุยให้มีการเจริญเติบโตดี มีความ
แข็งแรงเพื่อให้ได้ลูกพันธุ์ปลาดุกที่มีความแข็งแรง โตไว ทนต่อโรค
นั้น ควรเลี้ยงพ่อแม่ปลาดุกในบ่อดินขนาดพื้นที่ตั้งแต่ 100 ตารางเมตรขึ้นไป ซึ่งในการเลี้ยงดูพ่อพันธุ์แม่พันธุ์ปลาดุกนั้นควรปล่อยในอัตราส่วนที่ปลาอยู่ร่วมกันแล้วไม่หนาแน่นจนเกินไปประมาณ 25 ตัวต่อตารางเมตร ความลึกของบ่อเลี้ยงพ่อแม่พันธุ์ประมาณ 2 เมตร อีกทั้งเพื่อเป็นการกระตุ้นให้พ่อพันธุ์แม่พันธุ์ปลาดุกกินอาหารดี โตไว ออกไข่สมบูรณ์ควรมีการถ่ายเทน้ำบ่อยๆ เพื่อให้คุณภาพของน้ำที่ใช้เลี้ยงอยู่ในเกณฑ์ดี ไม่มีสิ่งเน่าเสียจนทำให้ปลากินอาหารได้น้อย พ่อแม่พันธุ์ปลาดุกที่ใช้ในการผสมพันธุ์จะต้องมีอายุตั้งแต่ 1 ขึ้นไป
พันธุ์ปลาดุกจะถึงฤดูกาลผสมพันธุ์ ประมาณช่วงเดือนมีนาคมถึงเดือนตุลาคมของทุกปี ช่วงฤดูหนาวจะไม่มีการผสมพันธุ์ประมาณช่วงเดือนกุมภาพันธ์หากอากาศไม่หนาวทางประทีปพันธุ์ปลาจะเริ่มทำการคัดเลือกพ่อแม่พันธุ์ปลาดุกที่มีคุณภาพไข่แก่สมบูรณ์ บางส่วนมาเริ่มทำการผสมเทียม ส่วนใหญ่ผู้ที่เลี้ยงปลาดุกชุดแรกๆของปีจะได้ราคาปลาเมื่อจับขายดีมากๆ ดังนั้นจึงทำให้พันธุ์ปลาดุกในช่วงต้นๆปีมีราคาสูงไปด้วย เพราะการเพาะพันธุ์ปลาดุกทำได้ยากและผลผลิตของทางฟาร์มยังน้อยอยู่ หากหลังเดือนเมษายนไปแล้วราคาพันธุ์ปลาก็จะปกติคงที่


การคัดเลือกพ่อแม่พันธุ์ปลาดุก เพื่อกระบวนการผสมเทียม

                                                                                                            

พ่อและแม่พันธุ์ปลาดุกที่จะนำมาใช้ในกระบวนการผสมพันธุ์นั้น จะต้องเป็นปลาดุกที่มีรูปร่างสมบูรณ์แข็งแรง ไม่เป็นโรค ผิวสวย และอายุปลาตั้งแต่ 1 ปีขึ้นไป
ลักษณะของพ่อแม่พันธุ์ปลาดุกที่พร้อมผสมพันธุ์
ในการผสมพันธุ์ปลาดุกบิ๊กอุย จะใช้แม่ปลาดุกอุยแท้ในการนำมาผสมเทียม ซึ่งลักษณะของปลาดุกอุยตัวเมียที่ดี ให้สังเกตุบริเวณท้องของแม่ปลาดุกอุยจะอูมป่อง (บริเวณใต้คีบ) ท้องของแม่ปลาจะต้องไม่นิ่มหรือแข็งจนเกินไป บริเวณติ่งเพศจะมีลักษณะกลม สีแดงหรือชมพูอมแดง เมื่อเอามือบีบที่ท้องแม่ปลาเบาๆจะมีไข่เล็กๆเม็ดกลมสีน้ำตาลอ่อนไหลออกมา แม่พันธุ์ปลาดุกอุยที่ใช้ควรมีน้ำหนักตัวประมาณ 3ถึง 4 ตัว / กิโลกรัม สำหรับน้ำหนักรวมของแม่พันธุ์ปลาดุกอุยที่ใช้ในการผสมเทียมแต่ละครั้งรวมกันประมาณ 25 กิโลกรัม จะสามารถเพาะพันธุ์ปลาดุกบิ๊กอุยได้ประมาณ 1 ล้านตัว ขึ้นอยู่กับฤดูกาล อุณหภูมิ และความสมบูรณ์ของไข่ปลาด้วย
สำหรับพ่อพันธุ์ของปลาดุกบิ๊กอุยคือปลาดุกยักษ์หรือปลาดุกรัสเซีย ลักษณะของปลาดุกรัสเซียตัวผู้ที่ดี จะมีติ่งเพศยาวเรียว มีสีออกชมพู โดยพ่อพันธุ์ปลาดุกรัสเซียที่นำมาใช้ในการผสมเทียมจะต้องมีน้ำหนักตัวประมาณ 1 กิโลกรัมขึ้นไป
ขั้นตอนการผสมเทียมพันธุ์ปลาดุกบิ๊กอุย
การฉีดฮอร์โมน
การฉีดฮอร์โมนให้กับพ่อแม่พันธุ์ปลาดุกเพื่อกระตุ้นให้ได้ไข่และน้ำเชื้อออกมาผสมเทียมภายนอก ตำแหน่งที่เหมาะสมที่สุดในการฉีดฮอร์โมนให้กับพ่อและแม่พันธุ์ปลาดุกคือบริเวณกล้ามเนื้อใต้ครีบหลังส่วนต้นเหนือเส้นข้างตัว โดยแทงเข็มฉีดยาทำมุมเอียงกับลำตัวของพ่อแม่พันธุ์ปลาประมาณ 30 องศา แทงลึก 2 เซนติเมตร แล้วฉีดฮอร์โมนที่เตรียมไว้เข้าไป
ในกรณีที่ต้องฉีดฮอร์โมน 2 ครั้ง ให้ฉีดสลับข้างกับครั้งแรก หลังจากทำการฉีดฮอร์โมนให้กับปลาแล้ว ให้นำพ่อแม่พันธุ์ปลาไปปล่อยบ่อที่เตรียมไว้โดยใส่น้ำในระดับที่ท่วมหลังพ่อ-แม่พันธุ์ปลาเท่านั้น ถ้าหากเราใส่น้ำมากเกินไปอาจทำให้ปลาจะบอบช้ำมาก
การรีดไข่แม่ปลาพันธุ์ปลาดุกบิ๊กอุย


การรีดไข่จากแม่ปลาดุกอุยโดยวิธีกึ่งเปียก
การรีดไข่ของแม่ปลาดุกอุย จะใช้วิธีการรีดไข่แบบกึ่งเปียก โดยการนำแม่พันธุ์ปลาดุกอุยที่ได้รับการฉีดฮอร์โมนจนกระทั่งไข่ในท้องแก่เต็มที่ มารีดไข่ใส่ในกะละมังเคลือบผิวเรียบ โดยทำการจับบริเวณส่วนหัวและส่วนหางของแม่พันธุ์ปลาดุกอุยจากนั้นทำการรีดไข่โดยรีดเบาๆจนท้องส่วนบนมาถึงส่วนล่าง
ไข่ของแม่ปลาดุกอุยมีลักษณะไข่แต่ละเม็ดติดกัน ไข่ที่ดีควรมีลักษณะกลม มีน้ำตาลเข้ม
การผ่าเอาถุงน้ำเชื้อจากพ่อพันธุ์ปลาดุกบิ๊กอุย





หลังจากที่ได้ไข่ที่แก่จัดจากแม่ปลาดุกแล้ว ต่อไปเป็นขั้นตอนการผ่าท้องพ่อพันธุ์ปลาดุกรัสเซียเพื่อเอาถุงน้ำเชื้อมาผสมเทียม น้ำเชื้อที่ได้จากพ่อพันธุ์ปลาดุกรัสเซียตัวผู้ หนึ่งตัวสามารถนำมาผสมกับไข่ของแม่พันธุ์ปลาดุกอุยประมาณ 10 ตัวทีเดียว
การผสมน้ำเชื้อกับไข่


นำถุงน้ำเชื้อที่เตรียมไว้มาขยี้ให้ละเอียดผสมกับน้ำเกลือเข้มข้น จากนั้นเทน้ำเชื้อรวมกับไข่ปลาดุกอุยที่เตรียมไว้



ทำการผสมไข่จากแม่ปลาดุกอุยกับน้ำเชื้อจากพ่อปลาดุกยักษ์ โดยการคนเบาๆด้วยขนไก่ให้เข้ากันอย่างทั่วถึง
การฟักไข่


มาถึงขั้นตอนสุดท้ายของการผสมพันธุ์ปลาดุกบิ๊กอุยแล้ว นั่นคือการนำไข่และน้ำเชื้อที่ผสมให้เข้ากันไปฟักในบ่อเพาะพันธุ์ปลาซึ่งเป็นบ่อคอนกรีตสี่เหลี่ยมผืนผ้าดังรูป โดยทำการเทไข่ปลาดุกลงสู่มุ้งสี่เหลี่ยมดังรูป ในบ่อเพาะให้เปิดน้ำไหลผ่านตลอดเวลา (บ่อฟักลูกปลาควรสะอาด มาตราฐาน ใกล้แหล่งน้ำ มีหลังคาป้องกันแสงแดดและน้ำฝนได้ )



พันธุ์ปลาดุกบิ๊กอุย จะใช้เวลาในการฟักตัวประมาณ 24 ชั่วโมง




การเลี้ยงปลาดุกบิ๊กอุย

วันอังคารที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559











ปลาดุกย่าง เคล็ดลับการเตรียมปลาให้ไม่มีกลิ่นคาว

ช่วงนี้เดินทางบ่อย เลยต้องอาศัยฝากท้องกับร้านอาหารในตลาดหลายๆ มื้อ ถี่ๆ และ ติดๆ กัน เรียนตามตรง  ณวันนี้ผมไม่ค่อยอยากกินอาหารตามร้านทั่วๆ ไป เสียแล้ว ไม่ใช่ไม่อร่อยหรือแพงหรอกครับ แต่ผมรู้สึกว่า บ่อยครั้งมากที่ผมกินอาหารตามร้านอาหารทั่วๆ ไป แล้วรู้สึกปากชา คอแห้ง หิวน้ำบ่อย สาเหตุนะหรือครับ ก็ร้านอาหารส่วนใหญ่จัดหนักจัดเต็ม ใส่ผงชูรสลงไปชนิดกลัวโรงงานเจ๊ง ช่วยกันใส่ลงไปจัง ทั้งๆ ที่ ถ้าเราเลือกใช้วัตถุดิบปรุงอาหารที่สด ใหม่ มีคุณภาพ แทบไม่ต้องใช้ผงชูรสเลยด้วยซ้ำ และถ้าศึกษาดีๆ ผมว่าพวกผงปรุงรสพวกนี้มีโทษอยู่ไม่น้อยนะครับ แต่ค่านิยมของคนส่วนใหญ่ ติดผงชูรสกันงอมแงม ผมก็คงไม่ไปโต้แย้งหรือคัดค้านแต่ปะการใด แต่ผมเลือกทำอาหารกินเองดีกว่า
ทีนี้เมื่อต้องเดินทางบ่อย  มันก็จำเป็นและหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องสั่งอาหารตามร้านมาทาน บางร้านขนาดย้ำแล้วย้ำอีกว่าไม่ใส่ผงชูรส คนขายก็เผลอตักใส่จนได้ด้วยความเคยชิน โดยเฉพาะร้านก๋วยเตี๋ยว ใส่ทั้งน้ำต้มกระดูก น้ำซุป แล้วยังต้องมาตักเติมใส่ในถ้วยอีก สรุปแล้ว วันนึงๆ ถ้าเราต้องกินอาหารตามร้าน มีหวังได้รับผงชูรสเป็นช้อนแน่นอน กลับมาถึงเมนูอาหารแนะนำในวันนี้กันดีกว่า นั้นคือเมนู ปลาดุกย่างครับ ไปยืนเลียบๆ เคียงๆ อยู่ข้างร้านปลาดุกย่างอยู่ตั้งยาย กลิ่นหอมเย้ายวนใจมากๆ ก็เลยสั่งมาแทะเล่นซะ 1 ตัว กินแล้วอร่อยดี เลยสั่งใส่ถุงกลับไปกินอีก 1 ตัว ลองเลียบๆ เคียงๆ ถามวิธีทำ ก็ไม่ได้ยากอะไร โทรไปปรึกษาเชฟสุรินทร์เจ้าของร้านอาหารครัวระเบียงปาย ที่ ปาย แม่ฮ่องสอน ครูสอนผมทำอาหาร เชฟสุรินทร์บอกว่า ความสำคัญที่จะทำให้อาหารอร่อยของเมนูปลาดุกย่างคือต้องกำจัดกลิ่นคาวของปลาดุก โดยเฉพาะปลาดุกเลี้ยงจะมีกลิ่นคาวมากกว่าปลาดุกธรรมชาติ ดังนั้นเราต้องกำจัดกลิ่นคาวปลาก่อนนำไปย่าง จึงจะทำให้ปลาดุกย่างของเราอร่อยและมีกลิ่นที่น่ารับประทาน โดยมีวิธีทำปลาดุกย่าง ดังนี้

ส่วนประกอบและวิธีทำ ปลาดุกย่าง
1 เตรียม ปลาดุก ผ่าท้อง ควักไส้ออก 2 ตัว , ตะไคร้ซอย 1/2  ถ้วยตวง , ขมิ้น 1 แง่ง , กระเทียม 7 กลีบ , ซีอิ้วขาว 2 ช้อนโต๊ะ , พริกไทยดำ 1/2 ช้อนชา 

2 นำตะไคร้ ขมิ้น กระเทียม และพริกไทยมาโขลกรวมกันให้พอแหลก ใส่ซีอิ้วขาวลงไป นำปลาดุกที่เตรียมไว้แล้วลงไปคลุกเคล้าให้ทั่ว หมักทิ้งไว้ 1 ชั่วโมง 

3 นำไม้มาเสียบปลาดุกตั้งแต่ปากถึงหาง นำขึ้นย่างบนเตาไฟจนสุกดีทั้ง 2 ด้าน (สามารถดูเคล็ดลับวิธีก่อไฟย่างอาหารได้ในบล็อกที่เขียนก่อนหน้านี้) ยกลงจากเตา เสริฟคู่กับน้ำจิ้มแจ่ว

เคล็ดลับการกำจัดกลิ่นคาวของปลาดุก
ปลาดุกเป็นปลาที่ไม่มีเกล็ดแต่มีหนังที่เคลือบด้วยเมือกลื่นๆ ซึ่งจะเป็นต้นเหตุแห่งกลิ่นคาวปลา ดังนั้นเราจึงต้องกำจัดกลิ่นคาวที่เมือกของปลาดุกออกให้หมด วิธีการคือให้นำแป้งมันมาคลุกเคล้าตัวปลาจนทั่ว แล้วล้างออกให้สะอาด จะทำให้เมือกที่ติดกับตัวปลาถูกล้างออกได้หมด  หรือจะใช้น้ำส้มสายชูล้างปลาก่อน แล้วจึงค่อยนำปลามาคลุกเคล้าและหมักกับเครื่องปรุง ก่อนจะนำไปย่าง ก็จะทำให้ปลาดุกมีรสชาติอร่อยมากยิ่งขึ้น และไม่มีกลิ่นเหม็นคาว